Monday, July 23, 2012

บีมฝากข้อความถึงคนไม่เป็นสิวและข้อคิดสำหรับคนเป็นสิวที่มีข้อแม้กับตัวเองมาก ๆ


ข้อเสียของการเป็นสิวอย่างหนึ่งที่บีมสังเกตคือ มันไม่ป่วยถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตเหมือนโรคเรื้อรังอื่น ๆ ทั้งที่มีสาเหตุอย่างเดียวกัน แถมสิวเป็นอาการเบื้องต้นของโรคเหล่านั้นด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้คนยังไม่ตัดสินใจที่จะทำอะไรเด็ดขาดกับตัวเองเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

ลองคิดดูนะคะว่า ถ้าเราเกิดถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งแทนการเป็นสิว เราจะยังมีข้ออ้างในการดูแลตัวเองอยู่ไหม...

หลายคนโดนวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรงไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งแล้ัวมักจะมึนงงไปช่วงแรก บางคนตัดสินใจออกจากงานทันทีเพื่อมารักษาตัวเอง บางคนตัดสินใจไปอยู่ชนบท เปลี่ยนชีวิตเลยก็มีี และคนกลุ่มนี้มักมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมมาก หลายคนโรคที่เป็นอยู่หายไปเลย และได้มีชีวิตที่มีคุณค่ากับคนอื่น ๆ ต่ออีกมากมาย

ในขณะที่คนเป็นสิว มีอีกปัจจัยที่สำคัญคือ คนรอบตัวมองว่า มันไม่ใช่โรคเรื้อรัง ไม่ใช่อะไรที่มันต้องไปใส่ใจมาก

บีมล่ะอยากทำให้มันเป็นวาระแห่งชาติจริง ๆ ค่ะ ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับคนไม่เป็นสิว เขาจะได้ไม่มาเป็นอุปสรรคอีกอันในการปรับชีวิตของคนที่พยายามจะรักษาสิวด้วยตัวเองอีกต่อไป

วันนี้ขออารมณ์ขึ้นวันนึงนะคะ บางทีมันก็รู้สึกแบบนี้จริง ๆ หลายคนก็มีข้อแม้กับชีวิตเยอะจังค่ะ...ทั้งที่เราก็มีกันชีวิตเดียว

- บีม -

บีมขอยกตัวอย่างที่ทำงานนะคะ บีมอาจจะไม่ใช่หัวหน้าหรือเจ้าของธุรกิจที่ดีที่สุด แต่บีมห่วงสุขภาพของคนที่ทำงานด้วยมากที่สุด มีครั้งหนึ่งที่น้องพิมเขาล้างพิษตับและวันถัดมาคือวันศุกร์ เขาเพลียมาก ๆ ลุกทำงานไม่ไหว บีมก็ไม่มีปัญหานะคะ คือเข้าใจเขา ก็ให้เขาพัก บีมไม่ได้บังคับให้เขาต้องลุกมาทำงาน เพราะตัวเองเคยล้างพิษตับมาก่อน รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่หลังจากนี้เขาก็จะรู้แล้วว่า ถ้าจะทำก็อาจไปทำวันหยุดแทนวันธรรมดา จะได้ไม่กระทบงาน แบบนี้เป็นต้นค่ะ

คือ มันอยู่ที่วิสัยทัศน์และประสบการณ์ของเจ้าของบริษัท หัวหน้าเรา แต่ไอ้ที่เลือกไ่ม่ได้คือ โครงสร้างของบริษัท ความใหญ่โต และอะไรอีกมากมาย คุณก็มีทางเลือกอยู่ดี คือ อยู่ต่อไป แต่ก็คาดหวังเรื่องสุขภาพให้น้อยลง ขอเจรจาดูว่าจะมีทางไหนที่ยืดหยุ่นได้ไหม โดยที่คุณทำงานให้เขาได้เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม หรือ เปลี่ยนตำแหน่ง หรือเปลี่ยนที่ทำงาน

เพราะการทำงานคือการปฏิบัติธรรม

งานที่ดีต้องทำให้ชีวิตของคุณสมดุล

ทำงานเพื่อเก็บเงินไว้ใ้ช้ยามแก่นั้น คุณมั่นใจหรือว่า คุณจะยังมีลมหายใจไปใช้เงินถึงวันนั้น

ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน

บีมเคยประสบพบเจอประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง

บีมพยายามอย่างมากที่จะหาเงินให้ได้มากจากการทำขายตรงยี่ห้อหนึ่ง แต่คนที่บีมรักมากคือคุณตาอยากให้บีมกลับบ้านมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆ เพราะท่านรู้ตัวว่าเหมือนจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว แต่บีมไม่ค่อยกลับ เพราะมีข้ออ้างที่ "คิดว่าดี" ว่าอยากหาเงินให้มากที่สุด และบอกกับตาว่าให้รอ และบอกกับตัวเอง เข้าข้างตัวเองว่าตาจะรอจนวันที่บีมมีเงินเยอะ ๆ

ทั้งที่สิ่งที่ตาต้องการจากบีมคือ การได้กลับไปอยู่กับตา การได้เห็นหน้าหลานให้บ่อยที่สุดก่อนที่ตาจะจากไป

แต่ตาเป็นคนไม่บอก ไม่พูด...

ตอนที่ตาเีสียโดยที่บีมไม่ได้ร่ำลาท่าน...

จากนั้นบีมได้บทเรียนชีวิตยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ชีวิตไม่แน่นอน ไม่เราก็คนรอบตัวเราจะจากไปเมื่อไหร่ไม่รู้ และก็บังคับไม่ได้

สุดท้ายบีมเหลือแต่คุณยาย ที่บีมตัดสินใจกลับมาเพื่อชดใช้และชดเชยความรู้สึกผิดที่เคยมีต่อคุณตา ซึ่งบีมต้องต่อสู้กับตัวเองและหลายอย่างมาก แต่อยากชดเชยสิ่งที่เราเคยเสียไปแล้วเรียกกลับมาไม่ได้ จึงตัดสินใจอยู่ต่อมาเรื่อยๆ และตอนนี้คุณยายเสีย บีมเหลือคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งก็สัญญากับตัวเองว่าจะทำให้ดีที่สุด

คนเราไม่เจออะไรแบบนี้ ก็คงไม่รู้สึกค่ะ แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นกับตัวคุณเลย บางทีการลองพยายามเรียนรู้จากคนอื่นก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า ไม่ต้องเปลืองเวลาและเสียใจกับเรื่องที่ไม่ควรจะเสียใจ...

ฝากเท่านี้เพื่อให้คิดสำหรับเช้าวันนี้นะคะ

- บีม -

ถ้าคุณจะรักษาสิวตามแนวธรรมชาติบำบัด หยุดความงอแงในตัวคุณให้ได้นะคะ คุณมีสิทธิที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ชีวิตที่งอแง ๆ นั้นเป็นผลมาจากการไม่ค่อยได้ฝึกใจตัวเอง การฝึกใจนั้นเป็นศิลปะแห่งความสุขในชีวิตขั้นสูงที่มากกว่า กิน กาม เกียรติ และไม่ใช่การไม่ enjoy อะไรกับชีวิตเลย คนที่ฝึกใจตัวเองมาดี จะ enjoy กับชีวิตอย่างลึกล้ำมากกว่าคนที่สนุกไปวัน ๆ ที่ชีวิตดูเหมือนสนุก ๆ เสียอีกค่ะ

บีมเองไม่ได้บอกให้ทุกคนมานุ่งขาวห่มขาว เคร่งครัด หน้าเครียด ปฏิบัติธรรม ไม่พูดไม่จากับใคร แบบนั้น บีมเห็นหลายคนเขาเรียกติดดี คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ซึ่งบีมเคยเป็นมาแล้วนะคะ เลยบอกได้ว่าคนที่เขาเข้าใจธรรมะจริง ๆ มันไม่จำเป็นต้องอะไรขนาดนั้น คนเข้าใจธรรมะจริง ๆ เข้าใจจิตตัวเองจริง ๆ เขาจะรู้จักตัวเองได้ดี รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร ตอนไหน ยังไง และเขาจะมองเห็นความสุขในชีวิตได้ดีกว่าใคร

ขอเพียงเรารู้จักการใช้ชีวิต อย่าให้กิเลสมันมาปั่นชีวิตเราง่าย ๆ รู้ตัวให้เร็วจะมีประโยชน์มาก ๆ

บีมเองก็ยังเป็นคนธรรมดา ๆ แต่ด้วยชีวิตมันสอนอะไรหลาย ๆ อย่าง เราเข้าใจมันมากขึ้น

เวลาจะกินอะไรก็รู้ประโยชน์ รู้โทษของแต่ละอย่าง เลยไม่ได้รู้สึกฝืนใจ หรือขืนใจตัวเอง ไม่ได้รู้สึกชีวิตมันขาดอะไรไป เพราะรู้แต่ว่าฉันกินแต่สิ่งที่ดี ๆ ให้กับตัวเอง

วันไหนอยากกินไอติม บีมก็กินนะคะ กินแล้วมันร้อนข้างใน ครั้งถัดไปก็ไม่อยากกินละ มันก็เป็นแบบนี้
วันไหนอยากแต่งตัวแบบไหน ก็ทำไป
เรา enjoy อะไรที่มันไม่เป็นโทษกับเราหรือกับใคร เราก็ทำ

เรายังใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม แถมจะมีความสุขกว่าเดิมด้วยค่ะ ถ้าเราฝึกใจให้ดี

ใจคนเรามันไหลลงต่ำตลอดเหมือนน้ำ ฝึกแรก ๆ จะยากเหมือนจับลิง
นาน ๆ ไป ฝึกรู้ตัวบ่อยๆ มันก็ดีเอง โดยที่เราก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไรในชีวิตไป
แต่กลับมองว่าคนอื่น ๆ ที่เขารับสิ่งไม่ดีให้ตัวเองนั้นขาดอะไรมากกว่า...

บีมมองแบบนั้นจริง ๆ ไม่ได้อิจฉาเลยเวลาเห็นคนดื่มน้ำเย็น กินน้ำหวาน กินของรสจัด ฯลฯ

และก็ไม่ต้องไปตัดสินเขา ไม่ต้องไปว่าเขา เราชี้นำสิ่งมีประโยชน์ไ้ด้ แต่ถ้าดูแล้วเขาไม่รับฟัง บีมก็หยุด ปล่อยเขา แต่ละคนก็จะได้รับผลกรรมของตัวเองไปเอง

เราก็ทำได้แค่ชี้แนะเท่าั้นั้นล่ะค่ะ ปล่อยวางเสีย จบ...

- บีม -

0 comments:

Post a Comment

ถามคำถามหรือฝากคอมเม้นต์ของคุณได้ที่นี่ค่ะ